ความเชื่อในเรื่องของพญานาคนั้น เป็นตำนานที่เล่าขานกันตั้งแต่สมัยโบราณกาล รวมทั้งปรากฏอยู่ในวรรณคดีไทยหลายๆเรื่อง แม้กระทั่งจวบจนถึงปัจจุบัน มักได้รับการกราบไหว้บูชาจากผู้คนมากมายเพื่อความเป็นสิริมงคล เสริมอำนาจบารมี รวมทั้งขอโชคลาภ ยิ่งเวลาไปวัดหรือศาสนสถาน มักจะเห็นบันไดเป็นรูปพญานาค หรือมีรูปปั้นพญานาคตั้งอยู่ให้เห็นกันตลอด
“นาค” หรือ “พญานาค” เป็นสัตว์หิมพานต์ กึ่งสัตว์ กึ่งเทพ มีพละกำลังและอิทธิฤทธิ์มากมาย ลักษณะคล้ายงูใหญ่ แต่มีหงอน ดวงตาสีแดง เกล็ดมีหลายสีแล้วแต่ว่าเป็นนาคตระกูลไหน นาคโดยทั่วไปมีเศียรเดียว แต่หากพญานาคองค์ใดที่มีบารมีและอิทธิฤทธิ์สูง ก็จะสามารถแผ่เศียรได้อีก ส่วนใหญ่จะแผ่เป็น 3เศียร 5เศียร 7เศียร หรือ 9 เศียร ยกเว้นแต่องค์พญาอนันตนาคราช จ้าวแห่งพญานาคทั้งปวง สามารถแผ่เศียรได้มากไม่จำกัด นอกจากนี้นาคก็ยังมีสภาวะเป็นทิพย์ คือสามารถจำแลงร่างเป็นคนได้ตามใจปรารถนา มีอิทธิฤทธิ์ในการบันดาลให้เกิดฝนอีกด้วย มักมีควาเลือมใสในพุทธศาสนา
พญานาค เป็นเจ้าแห่งงู แต่ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ จึงกระนั้นก็จัดอยู่ในฝ่ายสุคติภูมิ สถิตอยู่สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา
พญานาคมีที่อยู่อาศัยในแม่น้ำ หนอง คลอง บึง หรือแม้ในสวรรค์ (พญานาค แม้จะเป็นเทพแห่งอสรพิษ แต่ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ จึงจัดให้อยู่ในฝ่ายสุคติภูมิ พำนักได้สูงสุดเพียงสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ซึ่งถือว่าเป็นสวรรค์ชั้นต้น โดยปัจจุบันท้าววิรูปักโขนาคราช เป็นหนึ่งในท้าวจตุบาลโลกทั้งสี่ ประจำอยู่ทิศตะวันตก ก็ประทับอยู่ในสวรรค์ชั้นนี้)
ในตำนาน มีนาคอยู่หลายตระกูลก็จริง แต่มีเพียง 4 ตระกูลใหญ่ที่มักถูกกล่าวขานถึง ดังนี้...
1. ตระกูลวิรูปักษ์ พญานาคตระกูลที่มีผิวกายหรือเกล็ดเป็นสีทองงดงามมาก เป็นนาคชั้นสูงสุด ถือกำเนิดแบบโอปปาติกะ คือเกิดขึ้นเองแล้วโตเลย มากด้วยอิทธิฤทธิ์และบุญบารมี มักถูกจัดอยู่ในชั้นเทพ พำนักอาศัยอยู่ในทิพย์วิมาน อีกทั้งยังเป็นชนชั้นปกครองที่คอยปกครองนาคทั้งหลาย ไม่เกรงกลัวแม้มนต์สะกดอาลัมพายน์ของพญาครุฑ พญานาคในตระกูลนี้ที่รู้จักกันดี อาทิ พญาสุวรรณนาคราช พญามุจลินท์นาคราช
2. ตระกูลเอราปถะ พญานาคตระกูลที่มีผิวกายหรือเกล็ดเป็นสีเขียว ถือว่าเป็นพญานาคชั้นสูง มักจะถือกำเนิดแบบโอปปาติกะคำเนิดขึ้นเอง หรือแบบอัณฑะชะคือกำเนิดจากฟองไข่ มีขนาดใหญ่โตใกล้เคียงกับพญานาคตระกูลสีทอง อาศัยอยู่เมืองบาดาลไม่ลึกมาก เป็นตระกูลที่พบได้มากที่สุดและใกล้ชิดมนุษย์มากที่สุด ชอบขึ้นมาเที่ยวบนโลกมนุษย์จนเกิดเป็นตำนานรักมากมายกับเหล่ามนุษย์ และหากบำเพ็ญเพียงบารมีจนแกร่งกล้า ก็จะสามารถแผ่เศียรได้ถึง 9 เศียรได้เช่นกัน ก็สามารถขึ้นเป็นพญานาคชั้นปกครองได้เช่นกัน พญานาคในตระกูลนี้ที่รู้จักกันดี คือ พญาศรีสุทโธนาคราชแห่งเวียงวังนาคินทร์คำโชนด
3. ตระกูลฉัพพยาปุตตะ พญานาคตระกูลที่มีผิวกายหรือเกล็ดเป็นสีรุ้ง ส่วนใหญ่ถือกำเนิดแบบชลาพุชะ คือกำเนิดจากครรภ์ อาศัยอยู่ในนครบาดาลหรือป่าลึก เป็นพญานาคที่มีความงดงามมากเพราะมักจะมีเกล็ดเหลื่อมหลากสี สวยเหมือนสีรุ้ง มีอิทธิฤทธิ์มาก แต่มักพบได้ยาก เพราะมักอาศัยอยู่นที่ลึกลับ
4. ตระกูลกัณหาโคตะมะ พญานาคตระกูลที่มีผิวกายหรือเกล็ดเป็นสีดำนิลกาฬ ส่วนใหญ่ถือกำเนิดแบบสังเสทชะคือเกิดจากเหงื่อไคลและสิ่งหมักหมมต่างๆ หรือแบบอัณฑชะคือเกิดจากไข่ มักมีร่างกายกำยำบึกบึน แม้ไม่ถือว่าเป็นนาคชั้นสูง แต่ก็มีอำนาจและอิทธิฤทธ์ปฏิหารย์ไม่แพ้ตระกูลอื่น พบเจอได้ยาก ชอบอาศัยในท้องน้ำลึกและที่เร้นลับ มักจะมีหน้าที่เฝ้าสมบัติของเมืองบาดาล และแม้จะเกิดในตระกูลที่ต่ำกว่าตระกูลอื่น แต่หากหมั่นบำเพ็ญเพียรจนมากญาณบารมี ก็สามารถเป็นพญานาคชั้นปกครองได้เช่นกัน พญานาคในตระกูลนี้ที่รู้จักกันดี คือ องค์ดำแสนสิริจันทรานาคราช กษัตริย์นาคราชยอดนักรบแห่งเมืองบาดาล
พญานาคหรือนาคราชผู้ยิ่งใหญ่เหนือพญานาคทั้งปวง เป็นพญานาคผู้ทรงมากด้วยอำนาจบารมีและอิทธิฤทธิ์เหนือพญานาคใดๆ และถือว่าเป็นผู้ปกครองพญานาคทั้งหมดในภิภพนี้
พระองค์เป็นพญานาคพาหนะคู่บารมีขององค์พระนารายณ์มหาเทพ(พระวิษณุ) เกิดมาก่อนสิ่งมีชีวิตทั้งปวง และปกติจะขดตัวเป็นบัลลังก์ที่ประทับของพระนารายณ์อยู่กลางเกษียรสมุทร (ที่มาของนารายณ์บรรทมสินธุ์) มีพระนามเดิมว่า “พระเศษะนาคราช” เป็นพระโอรสของพระฤาษีกัศยปะและนางกัทรุ คำว่าอนันตะแปลว่าไม่มีที่สิ้นสุด นั่นหมายถึง ทรงมีพระวรกายยาวมากจนสามารถพันรอบโลกได้ พระวรกายใหญ่โต เมื่อขยับตัวแต่ละครั้งแผ่นดินจะสั่นสะเทือน บนหัวมีหงอน ที่ครางมีเครา มีพระวรกายสีขาวส่องประกายเรืองรอง ปล้องพระนาภีและพระเศียรเป็นสีทอง แผ่เศ๊ยรได้มากถึงพันเศียร ในขณะที่พญานาคอื่นสามารถแผ่เศียรได้ไม่เกินเก้าเศียร ถือว่าเป็นต้นตระกูลและราชาผู้ยิ่งใหญ่ของนาคทั้งปวง มีอำนาจบารมีและอิทธิฤทธิ์มากมายจนไม่มีพญานาคองค์ไดเทียบได้ สามารถพ่นไฟบัลลัยกัลป์ล้างโลกได้เลยทีเดียว เป็นพญานาคในตระกูลฉัพพะยาปุตตะ
ในคัมภีร์ปุราณะของฮินดูได้กล่าวไว้ว่า ท่านเป็นหนึ่งในปฐมชีวิตของการสร้างจักรวาล แม่เบี้ยของท่านนั้นเป็นที่อยู่ของดวงดาวทั้งหมดในจักรวาล เวลาคลายตัวจะดำเนินไปข้างหน้า ฟ้าดินก็จะสั่นสะเทือน ก่อให้เกิดจักรวาลใหม่ขึ้น และเมื่อครั้งใดที่ท่านหดตัว จักรวาลนั้นๆก็จะถือกาลสิ้นสุดงเช่นกัน
ตามตำนานกล่าวว่าท่านเคยอวตารลงมาโลกมนุษย์สองครั้ง ครั้งหนึ่งตามมหากาพย์รามเกียรต์ที่พระนารายณ์ทรงอวตารมาเป็นพระราม พญาอนันตนาคราชก็ได้อวตารมาเป็นพระลักษณ์พระอนุชาคู่ใจ ช่วยพระรามทำสงครามต่อสู้กับทศกัณฐ์เช่นกัน และอีกครั้งตามมหากาพย์มหาภารตะเมื่อพระนารายณ์อวตารมาเป็นพระกฤษณะ พญาอนันตนาคราชก็ได้ได้อวตารมาเป็นพระพลราม พระเชษฐาของพระกฤษณะเช่นกัน
มีพระมเหสีคู่บารมีคือ พญานาคิณีอุษาอนันตนาวดี ซึ่งเป็นพญานาคิณีประจำองค์แม่รัสมี พระมเหสีขององค์นารายณ์มหาเทพ เป็นพญานาคในตระกูลวิรูปักษ์ มีพระนาภีและพระเศียรเป็นสีทอง
"พญามุจลินทร์นาคราช" เป็นพญานาคในตระกูลวิรูปักษ์(พญานาคตระกูลสีทอง) ซึ่งเป็นพระยานาคชั้นสูงที่มีพลังอำนาจและอิทธิฤทธิ์เหนือกว่าพญานาคในตระกูลอื่นๆ กำเนิดขึ้นแบบโอปปาติกะ คือกำเนิดขึ้นเอง แล้วเป็นผู้ใหญ่เลย เหมือนการกำเนิดของเทวดาและนางฟ้าในสวรรค์
มีสัณฐานใหญ่โตร มีพระเศียร ปล้องพระนาภี และเกล็ดเป็นสีทอง สามารถแผ่เศียรได้ถึง 7 เศียร เมื่อจำแลงเป็นมนุษย์ แม้พระองค์จะมีอายุนับพันปี แต่ด้วยอำนาจบารมีที่มี ก็ส่งผลให้พระองค์จำแลงกายกลายมานพหนุ่มรูปงาม รูปโฉมหมดจด ผิวพรรณผ่องใสดุจทองทา
พระองค์เป็นพญานาคที่รักสงบ ทั้งยังเลื่อมใสในหลักธรรมของพุทธศาสนา ทำให้พระองค์ทรงบำเพ็ญเพียรภาวนาเพื่อมุ่งจะละซึ่งทางโลก ทรงถือครองพรหมจรรย์บำเพ็ญพรต ทรงหลุดพ้นภูมินาคะดิรัจฉาน จุติเป็นเทพนาคราชชั้นพรหม ไม่มีชายา และด้วยบารมีที่สูงส่งและการมุ่งเข้าญาณสมาธิบำเพ็ญตะบะอย่างสม่ำเสมอ ทำให้พระองค์ทรงครอบครองมณีนาคาไว้ถึง 7 ดวงด้วยกัน ทำให้สามารถควบคุมฟ้าฝนได้ดั่งฤทัย และด้วยอำนาจบารมีที่สูงส่ง ส่งผลให้พระองค์มีพระเนตรสีฟ้า ที่มีอิทธิฤทธิ์สามารถสะกดศัตรูใดๆด้วยมนตราพญานาคเพียงแต่เพ่งมอง อีกทั้งพระองค์สามารถจำแลงแปลงกายเป็นอะไรก็ได้ตามปรารถนา รวมทั้งสามารถพ่นพิษที่มีอานุภาพรุนแรงที่เมื่อต้องกายผู้ใด ร่างนั้นก็จะสลายไปพลันพริบตา ไม่เกรงกลัวแม้มนต์อาลัมพายต์ (มนตราของพญาครุฑที่ใช้ปราบพญานาค)
พระองค์เป็นพญานาคชั้นปกครอง เจ้าแห่งนาคภิภพ ซึ่งปกครองนครบาดาลถึงสามแห่ง อันได้แก่ รัตนบาดาล สุวรรณบาดาล และ
และที่สำคัญ ในพุทธประวัติ ปรากฏเรื่องราวของพญานาคมุจลินทร์ว่า ครั้งหนึ่งเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ธรรมพิเศาแล้ว พระองค์ก็ได้เสด็จไปยังสถานที่ 7 แห่งเพื่อทรงเสวยวิมุติสุข (ทรงพักผ่อนหลังการตรัสรู้ 49 วัน ณ สถานที่ 7 แห่ง เป็นความสุขที่เกิดจากการหลุดพ้นจากกิเลสและเรื่องเศร้าหมองใดๆ) มีอยู่ครั้งหนึ่งได้ไปเสด็จประทับนั่งขัดสมาธิที่ใต้ร่มไม้จิก อันมีนามว่า “มุจลินท์” ใกล้แม่น้ำเนรัญชรา ในป่าหิมพานต์ อันตั้งอยู่ในทิศตะวันออกเฉียงใต้แห่งไม้มหาโพธิ์ ทรงเสวยวิมุติสุขอยู่ ณ ที่แห่งนี้อีก 7 วัน แต่ในกาลนั้นเกิดฟ้าฝนคะนองลงมาตลอดทั้ง 7 วัน ปรากฏมีพญานาคนามว่า “มุจลินท์นาคราช” ที่มีอำนาจและอิทธิฤทธิ์มาก อยู่ที่สระโบกขรณีใกล้ต้นมุจลินทร์นั้น เมื่อได้พบเห็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเกิดความเลื่อมใส และได้ถวายอารักขาโดยขนดกายโอบรอบพระพุทธองค์ได้ 7 รอบ แล้วแผ่พังพาน ปกป้องบนพระเศียร มิให้ฝนและลมหนาวต้องพระวรกายพระผู้มีพระภาคเจ้า รวมทั้งเหลือบ ยุง และสัตว์น้อยใหญ่ (จึงเป็นที่มาของพระพุทธรูปปางนาคปรกสำหรับผู้ที่เกิดในวันเสาร์)
เมื่อฝนหยุดแล้ว มุจลินทร์นาคราชจึงคลายขนด แล้วจำแลงกายเป็นมานพหนุ่ม ถวายนมัสการ ณ เบื้องพระพักตร์ พระองค์จึงส่งเปล่งพระอุทานว่า “ความสงัดเป็นสุขของบุคคลผู้สันโดษ ผู้มีธรรมปรากฏแล้ว ผู้เห็นอยู่ ความไม่เบียดเบียน คือความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย เป็นสุขในโลก”
คาถาพ่อปู่มุจลินนาคราช
นโม 3 จบ
นติตัง พญามะ นาคายะ มุจลินนาคา สาธุโนภันเต ยะมะยะมะ
(แล้วขอพรครับ)
พระองค์เป็นพญานาคประจำพระองค์ขององค์ศิวะมหาเทพ(พระอิศวร) เป็นพญานาคในตระกูลวิรูปักษ์ มีพระวรกายเป็นสีเทาฮินดู พระนาภีและพระเศียรเป็นสีแดง สามารถแผ่เศียรได้สูงสุดถึงเก้าเศียร แต่ก็มักจะปรากฏเศียรให้เห็นเพียง 1 หรือ 7 เศียร เมื่อจำแลงกายเป็นมนุษย์แล้ว จะดูเป็นฤาษีใจดี รูปร่างสง่างาม อายุดูราวประมาณ 50 ปี บำเพ็ญเพียรอยู่ทางตอนใต้ในน่านน้ำอันดามัน
เป็นพระโอรสของพระฤาษีกัศยปะและนางกัทรุ ทรงเป็นพระอนุชาของพญาอนัตนาคราช
แม้ท่านจะค่อนข้างเจ้าชู้ มีสนมนับพัน แต่ก็มีพระอัครมเหสีคู่บารมีคือ พญานาคิณีเทวีศรีปางตาล หรือแม่ย่าทองคำ ซึ่งเป็นพญานาคิณีประจำองค์พระแม่อุมาเทวี มเหสีขององค์ศิวะเทพ ทั้งสองพระองค์มีพระโอรสและพระธิดารวมทั้งหมด 24 พระองค์
ท่านทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก และหลังสละราชสมบัติแล้ว ท่านก็ได้เป็นฤาษีบำเพ็ญตบะบารมีอยู่ในวิมานชั้นพรหมจวบจนทุกวันนี้ มีความเมตตาและชอบสอนธรรมะให้ผู้คนและโปรดที่จะช่วยเหลือเหล่ามวลมนุษย์
หากได้บูชาท่าน จะได้รับสิ่งดีๆที่เป็นมงคลเพราะท่านเป็นปู่ฤาษีนาคราชที่มีบารมีสูงระดับชั้นพรหม เป็นจ้าวแห่งพระเวทย์ มีอิทธิฤทธิ์สูง อีกทั้งยังเป็นพญานาคที่ทรงครอบทรัพย์สมบัติมากมายจนไม่สามารถนับได้ ช่วยบันดาลโชคลาภแก่ผู้ศรัทธา
คาถาบูชา
นะโม 3 จบ
โอม ภุชงค์ ติ เจ ริตัง วิสังโธ เยวิธัง สิทธิ กัมมัง ยัง ภุเชมิ
(คำอธิษฐาน) สาธุ สาธุ สาธุ
พญาศรีสุทโธนาคราช มหาเทพนาคาผู้ยิ่งใหญ่แห่งวังนาคินทร์คำโชนดที่มีผู้คนเคารพบูชากันมากมายทั่วสารทิศ ผู้คนมักจะเรียกขานท่านว่า “จ้าวปู่ศรีสุทโธ” เป็นพระโอรสของ พญานาโคศิรินาคราช กับ นางพญาศรีนคราบาดาล พระองค์อยู่ในตระกูลพญานาคเอราปถะ มีพระวรกายสีเขียวมรกต เศียรและปล้องพระนาภีเป็นสีทอง พระวรกายใหญ่โต มีอิทธิฤทธิ์และมากด้วยบารมี สามารถแผ่เศียรได้ถึง 9 เศียร นิสัยอ่อนโยน มีเมตตา โปรดการจำศีลบำเพ็ญเพียรและการฟังธรรม เป็นพญานาคผู้ปกครองนาคฝั่งไทยทั้งหมด
พระองค์พำนักอยู่ ณ พรหมประกายโลก หรือวังนาคินทร์คำชะโนด และได้สร้างรูขึ้นลงของพญานาคไว้ในสถานที่สามแห่งด้วยกัน คือ ธาตุหลวงนครเวียงจันทร์ประเทศลาว หนองคันแทในธิเบต และคำชะโนดอุดรธานี
สำหรับวังนาคินทร์คำชะโนด หรือที่เรียกกันว่าเมืองชะโนด อยู่ในจังหวัดอุดรธานี มีพื้นที่มาประมาณ 20ไร่ มีต้นชะโนดขึ้นอยู่เต็ม ภายหลังชาวบ้านได้ไปพบบ่อน้ำอยู่กลางดงป่าชะโนด เรียกว่าบ่อคำชะโนด แม้จะเป็นบ่อน้ำขนาดเล็กแต่มีน้ำธรรมชาติไหลซึมออกมาจากใต้ดินไม่เคยแห้งเหือด ชาวบ้านเลยโจษขานกันว่าเป็นเส้นทางขึ้นลงของพญานาคระหว่างเมืองบาดาลกับเมืองมนุษย์ และในปัจจุบันชาวบ้านจึงเชื่อกันว่า ดงคำโชนดเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์เพราะเป็นสถานที่พำนักอาศัยของพญานาค ก่อนเข้าไป ก็จะมีข้อห้ามบางประการ อาทิ ห้ามใส่ รองเท้า หมวก แว่นตา หรือร่ม รวมทั้งห้ามเก็บสิ่งของใดๆแล้วนำออกมา(แม้กระทั่งก้อนหินดินทราย) ห้ามนำสุราหรือสารเสพติดใดๆ ห้ามขูดขีดต้นไม้ ห้ามส่งเสียงดังหรือพูดจาหยาบคาย ห้ามใช้แก้วหรือขันตักน้ำในบ่อศักดิ์สิทธิ์ ห้ามผูกผ้าแพร ห้ามทิ้งขยะใดๆ หากไม่เชื่อ จะถือว่าเป็นการลบหลู่ เจอดีกันมาก็หลายคนแล้ว
มีชายาถึง 7 พระองค์ โดยมีนางพญาศรีปทุมมานาคิณี” หรือ “จ้าวย่าศรีปทุมมา” เป็นพระมเหสีคู่พระบารมี ซึ่งกำเนิดในตระกูลเอราปถะเช่นเดียวกัน มีพระวรกายเป็นสีเขียวตองอ่อน แผงเศียรได้มากถึง 5 เศียร มีน้ำพระทัยใจดี ทรงสร้างทานบารมีไว้มากมาย ทั้งสองพระองค์ทรงโปรดการสดับฟังธรรมจากพระอริยะสงฆ์เป็นอันมาก มีราชบุตรด้วยกันสามพระองค์คือ องค์นาคา องค์นาคินทร์ และองค์นาคี
พญาศรีสัตตนาคราช(นาคาธิบดีสีสัตตนาคบาดาล) เป็นกษัตริย์เหนือพญานาคทั้งปวงในฝั่งลาว ปกปักษ์รักษาดินแดนแถบลุ่มน้ำโขงทั้งฝั่งไทยและลาว เป็นผู้เปี่ยมไปด้วยอิทธิฤทธิ์และบารมี เดิมมีชาติกำเนิดเป็นนาคธรรมดา มีบิดาเป็นมนุษย์ แต่มารดาเป็นพระธิดาของพญาสนธินาคราชและพญาศรีภวนานาคินีผู้สืบเชื้อสายมาทางตระกูลขององค์พญามุจลินทร์นาคราช
มีวังนาคินทร์อยู่ใต้บริเวณพระธาตุหลวงกลางกรุงเวียงจันทร์ ประเทศลาว มีความเชื่อว่า บ่อน้ำทิพย์ที่อยู่บริเวณพระธาตุหลวงเป็นทางเชื่อมเข้าสู่วังบาดาล
มีความใกล้ชิดกับพุทธศาสนามาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เป็นผู้ที่ศรัทธาในพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก มีนิสัยอ่อนโยน ไม่โปรดการต่อสู้ ท่านชอบมาจำศีลบำเพ็ญเพียรและปฎิบัติธรรมที่พระธาตุพนมอยู่เป็นนิจ เป็นพญานาคราชที่สมถะที่สุดในบรรดา 9 นาคาธิบดี และทรงเป็นพระสหายรักของพญาศรีสุทโธนาคราช กษัตริย์แห่งพญานาคฝั่งไทยผู้ทรงโปรดในการปฏิบัติธรรมเช่นกัน
นามของพระองค์ถูกพบในตำนานอุรังคธาตุ โดยมีใจความว่า ครั้งเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จสู่ดอยนันทกังรีอันเป็นที่อยู่ของนางนันทยักษ์ ปรากฏมีพญานาค 7 เศียร นามว่าศรีสัตตนาค เข้ามาทูลขอให้องค์พระศาสดาทรงย่ำรอยพระบาทไว้ ณ ที่แห่งนั้น พระศาสดาจึงทรงย่ำพระบาทลงไปแล้วตรัสแก่พระอานนท์ว่า เราเห็นพญานาค 7 เศียรเป็นนิมิต ต่อไป ณ ที่แห่งนี้ให้ตั้งชื่อว่าเมืองศรีสัตตนาค
สำหรับองค์พญาศรีสัตตนาคราชที่ผู้คนนิยมไปบูชากัน จะอยู่ที่จังหวัดนครพนม บนลานศรีสัตตนาคราช หน้ากรมป่าไม้ ถนนสุนทรวิจิตร ซี่งถือว่าเป็นองค์พญานาคทองเหลืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสานเลยทีเดียว มีน้ำหนักรวมมากถึง 9 ตัน เป็นรูปพญานาคขดหาง 7 เศียร งดงามส่งและประดิษฐานอยู่บนแท่นแปดเหลี่ยม มีความสูงรวมฐานถึง 15 เมตรเลยทีเดียว อีกทั้งองค์พญางาคก็ยังสามารถพ่นน้ำได้อีกด้วย ใครมีโอกาสได้แวะไปจังหวัดนครพนมต้องไม่พลาดแวะไปกราบไหว้และขอพรจากองค์ปู่เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตด้วยนะครับ
พญาเพชรภัทรนาคราช ผู้มีฉายาว่า “พญาเกล็ดแก้วนาคราช” ทรงถือกำเนิดแบบโอปาติกะ จุติมาจากเพชรนพรัตน์หรือเพชรเจ็ดสีจากสร้อยพระศอขององค์พระศิวะ กำเนิดในตระกูลวรูปักษ์ พระวรกายสีทองอร่ามตามพระราชมารดา บำเพ็ญตบะและบารมีจนแกล่งกล้าจนมีเกล็ดเป็นแก้วเพชรสลับกับทองคำ แผ่เศียรได้สูงสุดถึง 9 เศียร
ทรงเป็นโอรสในพญาอันตนาคราชและพระนางอุษาอนันตวดี ครอบครองเมืองสุวรรณนาคินทร์เทพนคร ดินแดนทะเลตะวันออก เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในการรบ มักได้เป็นแม่ทัพใหญ่เสมอในสงครามเทวะหลายต่อหลายครั้ง จนเลื่องลือไปทั่วสามโลก ทรงมีศาสตราวุธคู่กายเป็นพระขรรถ์วิเศษจากฤษีเทพอัศดร และได้รับการประสาทวิชาอีกมากมายจากเทพพรหมฤษีอีกหลายพระองค์
มีอัครมเหสีคู่บารมีคือ พระนางอัญญารินทร์ธสินี ธิดาของท้าววิสุทธ์นาคราชและพระนางเชรษีนีเทวี แต่ก่อนหน้านี้ก็เคยมีพระชายาเป็น พญานาคิณี 4 พระองค์ และนางกินรีอีก 1 พระองค์
หลังจากทรงสูญเสียพระอัครมเหสีที่พระองค์ทรงมีหัวใจที่หนักแน่นในรัก จึงหันไปบำเพ็ญธรรมะเพื่อลืมความโศกเศร้า ทรงถือครองพรหมจรรย์และไม่ข้องเกี่ยวกับการรบใดๆ ทรงหมั่นบำเพ็ญเพียรจนได้บรรลุโสดาบัน
พญาดำแสนสิริจันทรานาคราช หรือองค์ดำแสน เป็นพระราชโอรสของพญาศรีสัตตะนาคราช(พระอนุชาในพญาศรีสุทโธนาคราช) ผู้ครองศรีสัตตะบาดาล และพระนางมธุรินรดีเทวี ราชธิดาของพญาอนันต์นาคราช ประสูทจากไข่ฟองที่เจ็ด ไข่เป็นสีดำทอง มีวงแวนรัดรอบเป็นสีแดง มีสายฟ้าฟาดอยู่เสมอ
เป็นต้นตระกูลของพญานาคสีดำกัณหาโคตะมะ (สืบเชื้อสายมาจากตระกูลวิรูปักษ์ และ มีพระวรกายกำยำแข็งแรงสีดำอมส้ม พระเนตรสีแดง อายุเก้าหมื่นปีมนุษย์ มีนิสัยโอบอ้อมอารี มีความฉลาดเฉลียว แตกฉานในหลากหลายศิลปะวิชาการกว่านาคอื่นๆ ทรงเก่งทั้งบู๊และบุ๋น โปรดปรานในศิลปะการต่อสู้และมนต์พระเวทย์เป็นอย่างมาก มีความเชี่ยวชาญในการรบเหนือผู้ใด บุคลิกคล่องแคล่วปราดเปรื่อง ว่องไวดุจสายฟ้า เป็นผู้มีคุณธรรมสูง มีหน้าที่ปราบปรามคนที่ชั่วร้าย(รวมทั้งพญานาคที่ชั่วร้าย) เมื่อจำแลงกายแล้ว จะกลายเป็นมานพหนุ่มรูปโฉมงดงาม เป็นนาคราชแห่งทะเลอันดามัน ทางใต้ของประเทศไทย
คราหนึ่งเกิดศึกพญาครุฑมารุกรานใกล้เมืองของท่านตา(พญาอนันตนาคราช) องค์ดำแสนจึงได้ทูลขออาสานำทัพออกไปรบ โดยมีตรีศูล และ “หอกศรีอนันต์เศรษฐ์” ให้เป็นศาสตราวุธวิเศษประจำกาย (หอกทองคำ ปลายเพชร เกล็ดสุริยัน ที่ซัดออกไปแล้ว จะกลายเป็นหอกนับพันพุ่งเข้าหาศัตรู) ด้วยความเชี่ยวชาญในการรบกอปรกับอาวุธที่ทรงพลานุภาพ องค์ดำแสนจึงได้รับชัยชนะอย่างงดงาม และได้ยึดทรัพย์สมบัติของพญาครุฑมากำนัลแด่พญาอันนาคราชอีกมาย
ด้วยพระปรีชาในการศึกในครั้งนี้ รวมครั้งจากศึกน้อยใหญ่อีกมากมาย พระองค์จึงได้รับการปราบดาภิเษกเป็น นาคาธิบดี หนึ่งในเก้าของกษัตริย์นาคราช นอกจากนี้ยังเป็นโอรสบุญธรรมของเทพพระอาทิตย์อีกด้วย
แม้จะมากชายา แต่ก็มีพระชายาพระนางเจ้ามนตรามณีนฤมาสนาคิณี เป็นพระชายาคู่บารมี ผู้ทรงเป็นหนึ่งในราชธิดาของพญาอนันตนาคาราช ทั้งสองพระองค์ทรงเลื่อมใสในพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก และภายหลังทั้งสองพระองค์ก็ได้บรรลุธรรมเป็นผลสำเร็จ
พระองค์ได้ถวายตนรับใช้พระอินทร์แห่งสวรรค์ใช้ดาวดึงส์ และได้รับการโปรดปราณเป็นอย่างมากเพราะความสามารถทั้งบุ๋นและบู๊ และที่สำคัญ มีนิสัยนอบน้อมถ่อมตน
ด้านความรักนั้น พระองค์ทรงไม่สมหวังในรักจากพระนางมุญารินทร์รณีเทวี ราชธิดาของพญาภุชงค์นาคราช เพราะพระนางเป็นราชธิดาที่พญาภุชงค์นาคราชหวงแหนเป็นอันมาก ท่านจึงไม่ได้อภิเษกกับผู้ใด จึงหันไปปฏิบัติธรรมและจำศีล รวมทั้งยังคอยรับใช้เป็นทหารคุ่พระทัยของพระอินทร์สืบเนื่องมา
คาถาบูชา
นะโม 3 จบ
กายะ วาจาจิตตัง อะหังวันทา นาคาธิบดี
ยัสมันนาคา วิสุทธิเทวา มุญารินทร์รณี วิสุทธิเทวี ปูเชมิ
9. พระครรตะศรีเทวานาคราช
พระองค์เดิมเป็นเทวดาอารักษ์แผ่นดินเขมรนามว่า “ครรตะศรีเทพบุตร” มิใช่พญานาค มีอาวุธวิเศษประจำกายคือขวานฟ้า ซึ่งพระนารายณ์เป็นผู้มอบให้ เป็นสุดยอดอาวุธที่ร้ายแรง สามารถฟาดฟันศัตรูให้มลายสิ้นด้วยการกวัดแกว่งเพียงครั้งเดียว แต่ต่อมาหลังรักพระราชธิดาของพญาวาสุกีนาคราช และเกิดหลงรักสุดหัวใจ จึงได้ไปช่วยพญาวาสุกรีนาคราชทำศึก และได้อภิเษกมีพระมเหสีคู่ใจคือ พระนางศิริยานาคินีเทวี และเพื่อที่จะพำนักอยู่ในวังบาดาลคู่กับมเหสีพระองค์และปกครองเมืองบาดาลที่พระยาวาสุกรีแบ่งให้จึงตัดสินใจขอเปลี่ยนร่างตัวเองเป็นพญานาคในที่สุด จึงมีสภาวะที่แตกต่างจากพญานาคองค์อื่นๆ คือมีภาวะเป็น กึ่งนาค กึ่งเทพ ได้นั่งบำเพ็ญตบะจนมีอิทธิฤทธิ์เก่งกล้า อยู่ เขาพนมกิเลน
พระองค์มีลำตัวสีน้ำตาลเข้มคล้ายกับสีของพื้นดิน ไม่ได้พำนักอยู่ในวังบาดาลเหมือนพญานาคอื่นๆ แต่กลับพำนักอยู่ในปราสาทบนพื้นดิน ณ เขาพนมกุเลน ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ที่บำเพ็ญเพียรของเหล่าเทวดา ฤาษี และโยคีที่มีตบะแก่กล้า
เครื่องสักการะบูชา ในวันธรรมดา:
- เทียน 2 เล่ม
- ธูป 5. 7 หรือ 9 ดอก
- น้ำดื่มสะอาด ในแก้วใส
เครื่องสักการะบูชา ในวันพระหรือขึ้น 15 ค่ำ:
- เทียน 2 เล่ม
- ธูป 5. 7 หรือ 9 ดอก
-ผลไม้ 3, 5, 7 หรือ 9 ชนิด (อาทิ มะพร้าว หมากพลู)
- ดอกไม้ (อาทิ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุด ดอกกุหลาบขาว)
- น้ำดื่มสะอาด ในแก้วใส
คาถาบูชา:
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ (3 จบ)
กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นาคาธิบดี(กล่าวพระนาม อาทิ ปู่มุจลินทร์นาคราช) วิสุทธิเทวา ปูเชมิ
ทุติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นาคาธิบดี(กล่าวพระนาม อาทิ ปู่มุจลินทร์นาคราช) วิสุทธิเทวา ปูเชมิ
ตะติยัมปิ กายะ วาจะ จิตตัง อะหังวันทา นาคาธิบดี(กล่าวพระนาม อาทิ ปู่มุจลินทร์นาคราช) วิสุทธิเทวา ปูเชมิ
เมตตัญจะมหาลาโภปิโยนาคะ ขันธปริตตัง
ข้าพเจ้า (ชื่อ นามสกุล) ขออธิษฐาน.......(คำอธิษฐาน)............................................................................
ขอคำอธิษฐานนี้ จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าและครอบครัว ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปด้วยเทอญ
1. การไหว้ศาลพระภูมิ:
·จุดธูป 16 ดอก แล้วอธิษฐาน “ข้าพเจ้าชื่อ........... อาศัยอยู่บ้านเลขที่......... ขอเจ้าที่เจ้าทางสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองบ้านเลขที่นี้ ให้ข้าพเจ้านำ(เอ่ยนามปู่พญานาค อาทิ ปู่มุจลินทร์นาคราช)เข้ามาบูชาในบ้านหลังนี้ ขอเจ้าที่เจ้าทางสิ่งศักดิ์สิทธิ์เปิดทางด้วยเถิด
(ถ้าไม่มีศาลพระภูมิ แต่มีห้องพระ ให้จุดธูป 3 ดอก แล้วเอ่ยวาจาเดียวกัน)
2. การอัญเชิญปู่พญานาคครั้งแรก
เครื่องสักการะบูชา:
· เทียนสีขาวหรือเหลือง 2 เล่ม
· ธูป 16 ดอก
· น้ำสะอาด ในแก้วใส
· ผลไม้ 5 อย่าง
· ดอกไม้ (อาทิ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุด ดอกกุหลาบขาว)
พรมน้ำปรุง(หรือน้ำสะอาด)บางๆนิดหน่อยบนพระวรกายของพระองค์ (ระวังอย่าโดนพระเศียร)
บทสวดมนต์:
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุท ธัสสะ (3 จบ)
นะมามิ ลิละ สาเข ปัตถะ ละปะ ธัมเม สะคะลับตี สะเยตานาคะ ลาเชนะยะ ปิสะโตฯ
ข้าพเจ้าขอไหว้วอนเทพเจ้านาคาสัมมาทิฐิลงมาอยู่ บนเกล้ากระหม่อม
ข้าพเจ้าขอไหว้วอนเทพเจ้านาคาสัมมาทิฐิลงมาอยู่ในดวงตา
ข้าพเจ้าขอไหว้วอนเทพเจ้านาคาสัมมาทิฐิลงมาอยู่ในหู
ข้าพเจ้าขอไหว้วอนเทพเจ้านาคาสัมมาทิฐิลงมาอยู่ที่ปาก
ข้าพเจ้าขอไหว้วอนเทพเจ้านาคาสัมมาทิฐิลงมาอยู่ที่แขน ที่ขา
ข้าพเจ้าขอไหว้วอนเทพเจ้านาคาสัมมาทิฐิลงมาอยู่ปลายลิ้น
ข้าพเจ้าจะทำการสิ่งใด ขอให้ได้รับผลเหนือความคาดหมาย
พุทธะคุณัง ธัมมะคุณัง สังฆะคุณัง เมตตาคุณัง อรหังเมตตา
พุทธจิตตัง จิตตังมะมะ พุทธานุภาเวนะ
ธัมมะจิตตัง จิตตังมะมะ ธัมมานุภาเวนะ
สังฆะจิตตัง จิตตังมะมะ สังฆานุภาเวนะ
ลูกขอน้อมรำลึกและขออนุญาตอัญเชิญจ้าวปู่นาคราช (เอ่ยพระนาม เช่น พญามุจลินทร์นาคราช) ผู้ยิ่งใหญ่แห่งนครบาดาล มาอยู่และร่วมสร้างบารมีกับลูก(ชื่อนามสกุลของคุณ) และครอบครัว มาปกปักรักษาให้แคล้วคลาด ปลอดภัย มีความสุข อยู่เย็นเป็นสุข มีความเจริญรุ่งเรือง มีโชคลาภ วาสนา ด้วยเทอญ
หน้าแรก / เลือกซื้อภาพวอลเปอร์ / ตำนานเทพและวิธีบูชา / วิธีชำระเงินค่าวอลเปเปอร์ / ติดต่อเรา
โดย... บจก. คอสติค อินเตอร์เนชั่นแนล
461/1-3 ซ.แก้วฟ้า ถ.สี่พระยา แขวงมหาพฤฒาราม เขต บางรัก กรุงเทพมหานคร 10500
Line ID: @moo999